วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

"อาเซอร์ไบจัน" และชัยชนะประวัติศาสตร์ใน"ยูโรวิชัน" โลกใหม่นอกเงื้อมมือรัสเซีย




ประเทศอาเซอร์ไบจัน ได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชนะในการประกวดการร้องเพลงที่มีชื่อเสียงระดับ ทวีปยุโรปเป็นครั้งแรก เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา



นี่ถือเป็นชัยชนะครั้งแรกของประเทศเล็กๆที่แยกตัวออกจากสหภาพโซเวียต เมื่อกว่า 20 ปีก่อน ในการประกวดร้องเพลงยูโรวิชั่น ประจำปี 2011 โดยศิลปินดูโอชายหญิง "เอลและนิคกี้" หรือมีชื่อจริงว่า เอลดาร์ กาซิมอฟ และนิการ์ จามาล ส่งผลให้กรุงบาคู เมืองหลวงของอาเซอร์ไบจัน ได้รับเกียรติในการเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดครั้งต่อไป และถือเป็นงานระดับนานาชาติครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศ ที่ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม

ด้านสถานีโทรทัศน์หลักของอาเซอร์ไบจันกล่าวยกย่องว่า นี่ถือเป็นชัยชนะของคนทั้งชาติ และได้แสดงให้คนทั่วยุโรปเห็นวัฒนธรรมและประเพณีของตน ได้อย่างเต็มภาคภูมิ แม้ว่าอาเซอร์ไบจันจะเพิ่งเข้าร่วมการแข่งขันร้องเพลงยูโรวิชันส์ เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2008 ก็ตาม

การแข่งขันร้องเพลงยูโรวิชั่นครั้งที่ 57 จัดขึ้นที่เมืองดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี และถ่ายทอดไปยังผู้ชมกว่า 800 ล้านคนทั่วยุโรป โดยเอลและนิคกี้ ได้รับการโหวตจากผู้ชมให้เป็นผู้ชนะท่ามกลางผู้เข้าประกวดจาก 25 ประเทศ โดยทั้งคู่ได้นำเพลง "Running Scared" มาร้องในภาษาอังกฤษเพื่อใช้ในการประกวด

ขณะที่นักการเมืองของอาเซอร์ไบจันกล่าวว่า ผลการแข่งขันครั้งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า อาเซอร์ไบจันสามารถรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวได้กับยุโรป ส่วนประชาชนนับพันต่างออกมาร่วมเฉลิมฉลองในช่วงกลางคืน และร่วมโบกธงชาติแสดงความยินดีให้กับชัยชนะครั้งนี้ในกรุงบาคู แม้ว่าจะยังคงมีฝนตกอย่างหนักก็ตาม

อาเซอร์ไบจันเป็นประเทศขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ระหว่างอิหร่าน รัสเซีย และตุรกี ซึ่งติดกับทะเลสาบแคสเปี้ยน หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นประเทศตะเข็บชายแดนของทวีปยุโรป โดยมีประชากรราว 9.1 ล้านคน และส่วนใหญ่พูดภาษาเตอร์กิช อาเซอร์ไบจันถือเป็นประเทศผู้จัดหาน้ำมันดิบสำรองรายใหญ่ที่สุดให้แก่ยุโรป และอาจเป็นประเทศเจ้าภาพที่ไม่ธรรมดาที่สุดในประวัติศาสตร์ของการประกวดร้อง เพลงยูโรวิชันนับตั้งแต่ปี 1956

อย่างไรก็ดี การแข่งขันประกวดร้องเพลงยูโรวิชันในปีหน้าที่กรุงบาคู อาจไม่เพียงแต่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศที่มักไม่ปรากฎเป็นข่าวตาม หน้าหนังสือพิมพ์มากนักเท่านั้น แต่ยังช่วยให้นานาชาติได้เห็นถึงการขาดความมีเสรีภาพในการแสดงออกทางการ เมืองของประชาชน ซึ่งถูกควบคุมอย่างเข้มงวดภายใต้การนำของประธานาธิบดีอิลแฮม อาลิเยฟ หลังที่เคยผ่านสภาพความขัดแย้งทางการเมืองและสงครามระหว่างเชื้อชาติที่ รุนแรง นับตั้งแต่การล่มสลายของอดีตสหภาพโซเวียตเมื่อปี 1991


ประชาชนออกมาร่วมเฉลิมฉลองให้แก่ความสำเร็จของประเทศ

นับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ตำรวจอาเซอร์ไบจันได้เข้าปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงหลายครั้งและจำกุมประชาชน อีกจำนวนมาก ซึ่งก่อให้เกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติและจากลุ่มพิทักษ์สิทธิ มนุษยชนหลายกลุ่ม ที่กล่าวหารัฐบาลว่าละเมิดเสรีภาพในการพูดของประชาชน

ประธานาธิบดีอิลแฮม อาลิเยฟ ก้าวขึ้นเป็นผู้นำประเทศต่อจากนายเฮย์ดาร์ อาลิเยฟ หนึ่งในอดีตผู้ทรงอำนาจของสหภาพโซเวียต และบิดาของตนเมื่อปี 2003 ซึ่งเซ็นสัญญากับบริษัท บีพี ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่จากอังกฤษ ในการได้รับสัมปทานในการสร้างท่อส่งน้ำมันจากบ่อขุดบริเวณทะเลสาบแคสเปี้ยน เพื่อส่งต่อไปยังประเทศต่างๆในยุโรป ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

การประกวดร้องเพลงยูโรวิชันในปีหน้า ยังจะช่วยฉายภาพให้เห็นถึงสภาพความขัดแย้งที่สะสมเป็นเวลานานระหว่างอาเซอร์ ไบจันและอาร์เมเนีย อดีตประเทศที่แยกตัวออกมาจากอดีตสหภาพโวซเวียตเช่นกัน ต่อข้อพิพาทในพื้นที่เขตนากอร์นี คาราบัคห์ ซึ่งกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ได้รับการหนุนหลังจากรัฐบาลอาร์เมเนีย เข้ายึดครองพื้นที่ดังกล่าวในสงครามช่วงปี 1990 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 30,000 คน

ด้านประชาชนที่ร่วมเฉลิมฉลองชัยชนะครั้งนี้ ได้ถือโอกาสดังกล่าว เพื่อแสดงการเรียกร้องในการนำดินแดนดังกล่าวกลับคืนมาเป็นของตนอีกครั้ง และอาจต้องใช้กำลังหากมีความจำเป็น
 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น