"สวัสดี...แคมปัส" สัปดาห์นี้ เจาะลึกวงดนตรีแนวร็อค
'ดอกเบี้ยบานแบนด์' แคมปัสรับเชิญที่มีดีกรีชนะเลิศในการประกวดแข่งขัน "ฮอท
มิวสิค อวอร์ด" ปีล่าสุดมาหมาดๆ...
แน่นอนความสามารถอย่างเดียวคงไม่ พอ เพราะกว่าถึงวันนี้ เด็กกลุ่มนี้ต้องฝ่าฟันกับความยากลำบากมาไม่น้อยทีเดียว เนื่องจากกว่าจะชนะเลิศได้ ก็เป็นปีที่ 4 แล้วที่พวกเขาจับมือกันไล่ล่าความฝันของพวกเขาเหล่านั้น
ความสำเร็จ ไม่ได้แลกมากันง่ายๆ หากจะต้องมีด้วยความมุ่งมั่น ความตั้งใจ และ ความมุมานะ ควบคู่มาด้วย แต่ก็ยังคงน้อยเกินไป เพราะในความสำเร็จหลายๆ ครั้ง มักจะความใฝ่ฝันควบคู่พวงท้ายมาด้วยเสมอ เช่นเดียวกับวง "ดอกเบี้ยบานแบนด์" ที่พวกเขาเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ ก็เพราะจิตใจที่ไม่เคยมีคำว่าแพ้นั่นเอง
วงดนตรีแนวร็อค "ดอกเบี้ยบานแบนด์" มีสมาชิกทั้งหมด 5 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 1 คน พวกเขาเหล่านั้นมีความใฝ่ฝันที่จะเข้ามาประกวดเวทีดังกล่าว โดยหวังว่า พวกเขาจะมีโอกาสได้ประสบความสำเร็จ และเจริญรอยตามศิลปินรุ่นพี่ อย่าง Slot Machine และ Retrospect ที่โด่งดังจากเวทีฮอท มิวสิค อวอร์ด มาแล้ว หลังจากที่ได้รับชัยชนะจากเวทีสุดเหวี่ยงมา "ดอกเบี้ยบานแบนด์" ได้เป็นศิลปินในค่าย จีเอ็มเอ็ม เอ ในเครือบริษัทจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ที่กำลังจะมีผลงานออกตามมาอีกมากมาย
สมาชิก "ดอกเบี้ยบานแบนด์" เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องภายในโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ทุกคนต่างชื่นชอบในดนตรีเหมือนกัน ซึ่งวงเริ่มต้นตั้งแต่ ม.ต้น ที่ทั้งหมดรวมตัวกันอยู่ในห้องซ้อมดนตรี จนเมื่อ ม.3 จึงตามหาฝัน รวมตัวกันมาประกวดที่เวที "ฮอท มิวสิค อวอร์ด" ซึ่งเป็นเวทีประกวดของเด็กมัธยมทั่วประเทศ ปีแรกผ่านไป "ดอกเบี้ยบานแบนด์" ไม่สามารถเข้าไปคว้าชัยชนะมาได้
ต่อมา ม.4 ฝันจะต้องไปให้ถึง "ดอกเบี้ยบานแบนด์" เข้าไปสมัครเวทีนี้อีกตามเคย แต่ฝันก็สลายเหมือนเดิม ด้วยความมุ่งมั่นที่มี ทุกคนตั้งใจฝึกซ้อมดนตรีกันอย่่างขันแข็ง เพื่อเข้าไปประกวดเวทีเดิมเป็นครั้งที่ 3 ตอน ม.5 โชคไม่เข้าข้าง หรือว่าเรายังขาดประสบการณ์ ทั้งหมดต้องผิดหวัง และกลับมาตั้งหลักกันอีกครั้ง จนเมื่อปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นครั้งที่ 4 ของการเดินเข้าไปประกวด ด้วยประสบการณ์ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ "ดอกเบี้ยบานแบนด์" ฝันเป็นจริง ชนะเลิศในเวทีดังฝันแล้ว
ทุกคนในวง พูดว่า "มันช่วยให้เราพัฒนาตัวเอง เวลาล้มแต่ละครั้ง ทำให้เรารู้ ว่าเราพลาดอะไรไป ทุกวันนี้ประสบความสำเร็จ ชนะจนได้แชมป์ นั่นคือประสบการณ์ ที่เราได้รับจากในอดีตที่ผ่านมา แล้วนำมันมาพัฒนาให้มันดีขึ้น เพราะหากวันนี้เราไม่มีประสบการณ์ อยู่ดีๆ จะได้แชมป์เลย ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้"
ก่อนหน้านี้ "ดอกเบี้ยบานแบนด์" เป็นวงดนตรีวงหนึ่งที่ฝึกฝน ฝึกซ้อมอยู่แต่ในห้องดนตรี ต่อมาพวกเขาก็ได้มีโอกาสเล่นดนตรีจนเป็นเสมือนวงโรงเรียนไป และทุกครั้งที่มีโอกาส "ดอกเบี้ยบานแบนด์" มักจะไปเล่นงานอื่นๆ ด้วย ถึงแม้จะได้เงินหรือไม่ก็ตาม เพราะทุกคนคิดเหมือนกันว่า นั่นคือประสบการณ์ที่ได้รับ และจะหาซื้อไม่ได้จริงๆ โดยทั้งหมดคิดว่า "ทำอย่างไรก็ได้ ขอให้พวกเราได้เล่นดนตรีอยู่เรื่อยๆ เพราะประสบการณ์เหล่านั้น เราได้เองทั้งนั้น และนั่นคือสิ่งที่พวกเรารักด้วย"
ตั้งแต่ ม.3 พวกเราก็รวมตัวกันซ้อมดนตรีมาโดยตลอด โดยใช้เวลาหลังเลิกเรียน ไปซ้อมดนตรีตามห้องซ้อมดนตรีต่างๆ โดยส่วนใหญ่จะต้องเสียเงิน แต่ก็โชคดีที่เราได้ไปซ้อมดนตรีที่บ้านของเพื่อน ซึ่งเปิดเป็นร้านให้เช่าซ้อมดนตรี โดยพวกเราก็เลยได้ส่วนลด และหารเงินกันวันละไม่กี่บาท เมื่อถามว่าเคยคำนวณมั้ย ว่าเป็นเงินกี่บาท เด็กๆ พร้อมใจกันตอบว่า "เรื่องซ้อมดนตรี พวกเราไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นเงินกี่บาท เพราะเรามันให้ใจกับเรื่องดนตรีหมดแล้วจริงๆ จะว่าไปก็เปรียบเสมือนหน้าที่ ซึ่งคำนวณเป็นเงินไม่ได้"
จากวันที่ชนะการประกวดจนถึงวันนี้ ทั้งหมดได้เรียนจบ ม.6 กันแล้ว
มีเพียงมือคีย์บอร์ดสาวคนเดียวเท่านั้น
ที่ยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนบดินทรเดชา "ภกร ชนะจรัลวิทย์" หรือ "ทอย"
ที่เป็นมือกีต้าร์และควบตำแหน่งร้องนำ พูดถึงเรื่องการเรียนว่า
ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร คณะดุริยางคศาสตร์
สาขาดนตรีเชิงพาณิชย์ ปีที่ 1 ที่เรียนดนตรีเชิงพาณิชย์
เพราะชื่นชอบดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ ส่วนอีกเหตุผลที่เลือกเรียนเกี่ยวกับดนตรี
ซึ่งนอกเหนือจากความชอบส่วนตัวแล้ว ทอยเลือกเรียนเพราะสิ่งที่ทอยเรียน
สามารถนำไปใช้ได้จริง เกี่ยวกับการทำเพลง โปรดิวเซอร์ การอัดเสียงต่างๆ
ซึ่งทอยคิดว่า มันจะสามารถนำมาใช้กับ "ดอกเบี้ยบานแบนด์" ของเราได้
เพราะแต่ละคนก็เลือกเรียนแตกต่างกันไป
เพื่อที่จะใช้ทุกอย่างที่เรียนมาช่วยปรับปรุงวงให้ดีขึ้น
ด้าน "นิว" หรือ "นิติ นิติยารมย์" มือเบส ซึ่งเรียนอยู่ที่เดียวกับทอย
และอยู่ปี 1 เช่นกัน แต่คนละสาขา ซึ่งนิวเรียนสาขาวิชาดนตรีแจ๊ส
โดยเมื่อถามถึง เรื่องอุปสรรคหรือปัญหา
ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนและเรื่องดนตรีแล้วมีอะไรบ้าง นิวบอกว่า
ก็อาจมีบ้างในบางครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องของเวลา ที่เวลาว่างไม่ตรงกัน
เพราะแต่ละคนเลิกเร็ว เลิกช้าไม่พร้อมกัน แต่เราก็จะพยายามจัดเวลาให้ลงตัว
ซึ่งถือว่านั้นเป็นความรับผิดชอบของเรา
ส่วนเหตุผลที่เลือกเรียนแจ๊ส นิวให้เหตุผลว่า "จริงๆ แล้ว ดนตรีมันไม่มีกำแพง ผมอยากศึกษาดนตรีแนวแจ๊ส ถึงแม้จะเล่นดนตรีแนวร็อคก็ตาม แต่ที่ผมเลือกแจ๊ส เพราะแจ๊สมันได้ปลดปล่อยอะไรหลายๆ อย่าง ผมจึงอยากปลดปล่อยความคิดของผมออกมา เลยจำเป็นต้องศึกษาดนตรีเยอะๆ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อปลดปล่อยความคิดของเราออกมา"
เช่นเดียวกับ "มิก" หรือ "ปุรเชษฐ์ ชัยชาญ" มือกีต้าร์
ที่เลือกเรียนดนตรีแจ๊สเหมือนนิว กล่าวเสริมเหตุผลที่เลือกเรียนแจ๊สว่า
"ผมอยากเล่นแจ๊สเป็น เพราะแจ๊สเป็นอะไรที่ต้องคิดเยอะ
และได้ใช้ความคิดมากมาย ซึ่งแจ๊สมีเอกลักษณ์ที่การคิดสด เล่นสด
แต่มันก็ต้องมีเทคนิคและหลักการ ไม่ใช่จะทำหรือเล่นแบบมั่วๆ ได้"
ส่วนเรื่องความลงตัวของดนตรีกับเรื่องเรียน มิก บอกว่า
ตอนนี้เพิ่งเปิดเรียนเทอมแรก พวกเราก็กำลังดูตารางเรียนของแต่ละคนอยู่
ว่าว่างตรงกันช่วงไหน เพราะทุกคนไม่อยากขาดเรียน เพื่อหาเวลาไปซ้อมดนตรี
หรือเสาร์-อาทิตย์ไหนที่ว่าง ก็จะไปซ้อมดนตรีเพื่อเปลี่ยนแนวเพลง แนวดนตรี
หรือแม้แต่กระทั่งคิดเพลงใหม่ เพื่อพัฒนาความสามารถเราไปเรื่อยๆ
และให้เข้ากับทีมมากยิ่งขึ้นด้วย
ขณะที่ "ภัค-สุภัค อากาศวิภาต" สาวมือคีย์บอร์ดน้องเล็กของวง
ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 6 เอกภาษาญี่ปุ่น ในรั้วบดินทรเดชา
กล่าวว่า "เรื่องเรียนเป็นเรื่องสำคัญ พวกเราต้องเรียนเป็นหลัก ไปพร้อมๆ
กับการซ้อมดนตรี โดยจะใช้เวลาหลังเลิกเรียน ตั้งแต่ 3 โมงเป็นต้นไป
มอบให้กับดนตรี" ภัค เล่าว่า ภัคเรียนดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ
ซึ่งตอนนั้นก็อายุประมาณ 5 ขวบ โดยเรียนเปียโนเป็นอย่่างแรก
และจนถึงปัจจุบันก็ยังเรียนเปียโนอยู่ และยังกล่าวอีกว่า
"ดนตรีมันไม่มีที่สิ้นสุด เราก็จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้มันไปเรื่อยๆ"
สำหรับ "ปวีณ โอบายยะวาทย์" หรือ "เนอร์" มือกลองของวง
ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ปี 2
คณะมนุษยศาสตร์ สาขาดนตรีสากล ที่มุ่งเรียนดนตรีในทุกๆ แนว ผสมผสานกันไป
บอกว่า ที่เลือกเรียนคิดว่า เมื่อเรียนไปแล้ว
เราจะสามารถนำมาใช้ในการทำเพลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ผมเรียนเอกกลอง
ยิ่งน่าจะช่วยมาใช้ในการแต่งเพลงและซ้อมเพลงได้ และยังพูดว่า "ผมว่าดนตรี
ก็มีความยากง่าย ยิ่งเรียนก็ยิ่งยากขึ้น
ตอนนี้ก็เลยต้องแบ่งเวลาในการเรียนเยอะขึ้นกว่าเดิม"
จริงๆ แล้ว ทุกคนมีความฝัน ไม่ต่างจากเด็กดนตรีกลุ่มนี้ ที่มีความพยายามไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ เพราะเมื่อถามถึงอาชีพในความฝันของแต่ละคน ทุกคนพร้อมใจกันตอบ โดยที่คำตอบไม่แตกต่างกันเลย ทุกคนมุ่งหวังที่จะทำงานด้านดนตรี ซึ่งพวกเขาบอกว่า "ดนตรีเป็นสิ่งที่พวกเขารัก และมันจะมีความสุขมากๆ เมื่อพวกเราได้ทำในสิ่งที่เรารัก" เหตุผลง่ายๆ ที่พวกเขาใช้ตามความฝัน แล้วคุณล่ะ!!! มีฝันและแรงจูงใจที่ตามล่าฝันแล้วหรือยัง ???
แน่นอนความสามารถอย่างเดียวคงไม่ พอ เพราะกว่าถึงวันนี้ เด็กกลุ่มนี้ต้องฝ่าฟันกับความยากลำบากมาไม่น้อยทีเดียว เนื่องจากกว่าจะชนะเลิศได้ ก็เป็นปีที่ 4 แล้วที่พวกเขาจับมือกันไล่ล่าความฝันของพวกเขาเหล่านั้น
ความสำเร็จ ไม่ได้แลกมากันง่ายๆ หากจะต้องมีด้วยความมุ่งมั่น ความตั้งใจ และ ความมุมานะ ควบคู่มาด้วย แต่ก็ยังคงน้อยเกินไป เพราะในความสำเร็จหลายๆ ครั้ง มักจะความใฝ่ฝันควบคู่พวงท้ายมาด้วยเสมอ เช่นเดียวกับวง "ดอกเบี้ยบานแบนด์" ที่พวกเขาเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ ก็เพราะจิตใจที่ไม่เคยมีคำว่าแพ้นั่นเอง
วงดนตรีแนวร็อค "ดอกเบี้ยบานแบนด์" มีสมาชิกทั้งหมด 5 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 1 คน พวกเขาเหล่านั้นมีความใฝ่ฝันที่จะเข้ามาประกวดเวทีดังกล่าว โดยหวังว่า พวกเขาจะมีโอกาสได้ประสบความสำเร็จ และเจริญรอยตามศิลปินรุ่นพี่ อย่าง Slot Machine และ Retrospect ที่โด่งดังจากเวทีฮอท มิวสิค อวอร์ด มาแล้ว หลังจากที่ได้รับชัยชนะจากเวทีสุดเหวี่ยงมา "ดอกเบี้ยบานแบนด์" ได้เป็นศิลปินในค่าย จีเอ็มเอ็ม เอ ในเครือบริษัทจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ที่กำลังจะมีผลงานออกตามมาอีกมากมาย
สมาชิก "ดอกเบี้ยบานแบนด์" เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องภายในโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ทุกคนต่างชื่นชอบในดนตรีเหมือนกัน ซึ่งวงเริ่มต้นตั้งแต่ ม.ต้น ที่ทั้งหมดรวมตัวกันอยู่ในห้องซ้อมดนตรี จนเมื่อ ม.3 จึงตามหาฝัน รวมตัวกันมาประกวดที่เวที "ฮอท มิวสิค อวอร์ด" ซึ่งเป็นเวทีประกวดของเด็กมัธยมทั่วประเทศ ปีแรกผ่านไป "ดอกเบี้ยบานแบนด์" ไม่สามารถเข้าไปคว้าชัยชนะมาได้
ต่อมา ม.4 ฝันจะต้องไปให้ถึง "ดอกเบี้ยบานแบนด์" เข้าไปสมัครเวทีนี้อีกตามเคย แต่ฝันก็สลายเหมือนเดิม ด้วยความมุ่งมั่นที่มี ทุกคนตั้งใจฝึกซ้อมดนตรีกันอย่่างขันแข็ง เพื่อเข้าไปประกวดเวทีเดิมเป็นครั้งที่ 3 ตอน ม.5 โชคไม่เข้าข้าง หรือว่าเรายังขาดประสบการณ์ ทั้งหมดต้องผิดหวัง และกลับมาตั้งหลักกันอีกครั้ง จนเมื่อปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นครั้งที่ 4 ของการเดินเข้าไปประกวด ด้วยประสบการณ์ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ "ดอกเบี้ยบานแบนด์" ฝันเป็นจริง ชนะเลิศในเวทีดังฝันแล้ว
ทุกคนในวง พูดว่า "มันช่วยให้เราพัฒนาตัวเอง เวลาล้มแต่ละครั้ง ทำให้เรารู้ ว่าเราพลาดอะไรไป ทุกวันนี้ประสบความสำเร็จ ชนะจนได้แชมป์ นั่นคือประสบการณ์ ที่เราได้รับจากในอดีตที่ผ่านมา แล้วนำมันมาพัฒนาให้มันดีขึ้น เพราะหากวันนี้เราไม่มีประสบการณ์ อยู่ดีๆ จะได้แชมป์เลย ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้"
ก่อนหน้านี้ "ดอกเบี้ยบานแบนด์" เป็นวงดนตรีวงหนึ่งที่ฝึกฝน ฝึกซ้อมอยู่แต่ในห้องดนตรี ต่อมาพวกเขาก็ได้มีโอกาสเล่นดนตรีจนเป็นเสมือนวงโรงเรียนไป และทุกครั้งที่มีโอกาส "ดอกเบี้ยบานแบนด์" มักจะไปเล่นงานอื่นๆ ด้วย ถึงแม้จะได้เงินหรือไม่ก็ตาม เพราะทุกคนคิดเหมือนกันว่า นั่นคือประสบการณ์ที่ได้รับ และจะหาซื้อไม่ได้จริงๆ โดยทั้งหมดคิดว่า "ทำอย่างไรก็ได้ ขอให้พวกเราได้เล่นดนตรีอยู่เรื่อยๆ เพราะประสบการณ์เหล่านั้น เราได้เองทั้งนั้น และนั่นคือสิ่งที่พวกเรารักด้วย"
ตั้งแต่ ม.3 พวกเราก็รวมตัวกันซ้อมดนตรีมาโดยตลอด โดยใช้เวลาหลังเลิกเรียน ไปซ้อมดนตรีตามห้องซ้อมดนตรีต่างๆ โดยส่วนใหญ่จะต้องเสียเงิน แต่ก็โชคดีที่เราได้ไปซ้อมดนตรีที่บ้านของเพื่อน ซึ่งเปิดเป็นร้านให้เช่าซ้อมดนตรี โดยพวกเราก็เลยได้ส่วนลด และหารเงินกันวันละไม่กี่บาท เมื่อถามว่าเคยคำนวณมั้ย ว่าเป็นเงินกี่บาท เด็กๆ พร้อมใจกันตอบว่า "เรื่องซ้อมดนตรี พวกเราไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นเงินกี่บาท เพราะเรามันให้ใจกับเรื่องดนตรีหมดแล้วจริงๆ จะว่าไปก็เปรียบเสมือนหน้าที่ ซึ่งคำนวณเป็นเงินไม่ได้"
ส่วนเหตุผลที่เลือกเรียนแจ๊ส นิวให้เหตุผลว่า "จริงๆ แล้ว ดนตรีมันไม่มีกำแพง ผมอยากศึกษาดนตรีแนวแจ๊ส ถึงแม้จะเล่นดนตรีแนวร็อคก็ตาม แต่ที่ผมเลือกแจ๊ส เพราะแจ๊สมันได้ปลดปล่อยอะไรหลายๆ อย่าง ผมจึงอยากปลดปล่อยความคิดของผมออกมา เลยจำเป็นต้องศึกษาดนตรีเยอะๆ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อปลดปล่อยความคิดของเราออกมา"
จริงๆ แล้ว ทุกคนมีความฝัน ไม่ต่างจากเด็กดนตรีกลุ่มนี้ ที่มีความพยายามไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ เพราะเมื่อถามถึงอาชีพในความฝันของแต่ละคน ทุกคนพร้อมใจกันตอบ โดยที่คำตอบไม่แตกต่างกันเลย ทุกคนมุ่งหวังที่จะทำงานด้านดนตรี ซึ่งพวกเขาบอกว่า "ดนตรีเป็นสิ่งที่พวกเขารัก และมันจะมีความสุขมากๆ เมื่อพวกเราได้ทำในสิ่งที่เรารัก" เหตุผลง่ายๆ ที่พวกเขาใช้ตามความฝัน แล้วคุณล่ะ!!! มีฝันและแรงจูงใจที่ตามล่าฝันแล้วหรือยัง ???
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น