วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554

ไต่ตามฝันโปรดิวเซอร์ แสตมป์-อภิวัชร์ เจ้าของเพลง ความคิด

Pic_154591

เจาะที่มาเพลงความคิดของ แสตมป์-อภิวัชร์ นักร้องเจ้าของรางวัลโปรดิวเซอร์ยอดเยี่ยมปีล่าสุดจาก SEED AWARDS
เรียกว่าเป็นนักร้องลูกรักของ บอย โกสิยพงษ์ คนหนึ่ง เพราะมีผลงานออกมากับบอย ในช่วงทำค่ายเพลงเลิฟอิส และมีผลงานเพลงดีๆ อาทิ เพลงความคิด จนเป็นที่รู้จักไปทั่ว
เขาคือเด็กสถาปัตย์ จุฬาฯ ​ที่ก้าวออกมาเล่นดนตรีตามใจฝัน กระทั่งได้เขียนเพลงให้ศิลปินมากมาย อาทิ เพลงน้ำตา ของเบิร์ด ธงชัย เพลงผู้ชายใจเย็นของ โฟร์-มด เพลงราตรีสวัสดิ์ ที่แต่งร่วมกับฟักกลิ้งฮีโร่ เป็นต้น



ล่าสุดเพลงชื่อว่า ลืมไปก่อน ที่แต่งร่วมกับ อุ๋ย บุดดาเบลส ก็ฮิตเอาการ ถือว่าเป็นนักแต่งเพลงหน้าใหม่ที่ร้อนคนหนึ่ง
ไทยรัฐออนไลน์ได้เปิดใจคนหนุ่มที่คนในวงการเพลงภูมิใจ
-ตอนรู้ตัวว่าเป็นแสตมป์ คือสะกิดใจว่า ฉันคือนักร้องแล้ว ฉันคือแสตมป์แล้ว เนี่ยเมื่อไหร่
เมื่อไม่นานนี้ครับ เมื่อสองปีก่อนครับ

-มีใครบังคับหรือยังไง เล่าให้ฟังซิ
คือผม แต่เด็กๆนี่อยากจะเป็นนักดนตรี คือชอบเล่นดนตรีกับเพื่อนตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็ด้วยความเป็นคนไม่หล่อ เป็นคนไม่อะไรต่างๆ ไม่ได้มีคุณสมบัติเหล่านั้น เมื่อคิดว่าถ้าทำงานเกี่ยวกับดนตรี ก็น่าจะเป็นนักดนตรี หรือคนเบื้องหลัง ไม่คิดว่าจะได้เป็นนักร้อง เพิ่งมารู้ตัวตอนที่ได้ทำวง ชื่อเซเว่นซีน (7th Scene) และร้องเพลงในอัลบั้ม Love is volume 1 พอมีโอกาสได้ไปร้องเพลงในงานๆหนึ่ง พี่บอยเขาได้ยิน เลยเรียกไปร้องเพลงโฆษณา...เอ้อ เราก็ร้องเพลงได้เว้ย ก็ได้พี่บอยที่ทำให้ค่อยๆรู้ แต่จะมารู้จริงๆก็น่าจะทำอัลบั้ม เมื่อตอนที่ออก 2 ปีก่อนนี่เองครับ เออเราก็ทำแล้ว มีคนต้อนรับ

-จุดนั้นที่ทำให้เริ่มอาชีพเป็นนักร้องจริงจังหรือเปล่า
ใช่ครับ ใช่ ก็มีช่วงที่พี่บอยเขาพาไปร้องเพลงของอัลบั้มเขาเอง พี่บอยเขาจะแต่งเพลงแล้วให้นักร้องคนอื่นมาร้องเพลงของเขา ก็มีอัลบั้มนึงที่ให้ผมไปร้อง อยู่สองสามเพลง คืออัลบั้ม Rhythm Boyd eleven เห็นพี่บอยไว้ใจ ก็รู้สึก เอ้อเราก็คงเป็นนักร้องพอได้ แต่ก็ไม่ได้คิดว่า จะมาเป็นนักร้องเดี่ยวเลย
จนกระทั่งเราแต่งเพลง ตอนนั้นผมยังไม่ได้ทำงานประจำ ยังเรียนจบมาใหม่ๆ แล้วก็รู้สึกว่า เรายังไม่อยากทำงานประจำ เราอยากจะลุยอันนี้อยู่ มันเป็นความฝันเรา ก็เลยลุยต่อไป แต่ว่าตอนนั้นก็ยังไม่มีรายได้เข้ามา คือได้แบบเดือนละห้าพัน หกพัน เจ็ดพัน อะไรอย่างนี้ ไปเล่นกลางคืนเอา เราก็เลยมาทางที่ว่า แต่งเพลงดีกว่า แต่งเองให้ได้เงินกลับมา ตอนนั้นก็ฝึกแต่งเพลงกับพี่บอย แล้วก็พี่บอยก็ให้โอกาสเขียนเพลงนู้นเพลงนี้ของเขา จนกระทั่งเริ่มมีคอนเนคชันขึ้นเรื่อยๆ มันก็เริ่มเป็นหลักเป็นฐานแล้วว่าเราแต่งเพลงได้

-ตอนนั้นเป็นเซเว่นซีนหรือยัง หรือว่ายังไง
ตอนนั้นเกือบจะได้ออกเซเว่นซีนแล้ว เกือบก็คือเป็นเหมือนกับ ก็คืิอทำเพลงอยู่ แต่ก็ยังไม่ได้ออก แต่เราก็ เราก็ต้องใช้ เงิน ต้องมีงาน เราก็เลยอยากทำงานอื่น ก็เลยลองขอพี่บอยทำงานดู

-เพลงแรกที่คนรู้จัก แสตมป์
ถ้ารู้จักจริงๆก็น่าจะเป็น 'ความคิด' นะครับ เป็นเพลงของผมเอง รวมอยู่ในอัลบั้มเดี่ยวของผมชุดแรกเลย ตอนนั้นเป็นเพลงประกอบหนังเรื่อง The moment in June ด้วยครับ

-เพลงนี้ได้แรงบันดาลใจในการแต่งมาจากไหน
เพลงนี้เนี่ย ผมแต่งเพลงตอนแรกตั้งใจแต่งให้กับเพื่อนผม เป็นมือกีตาร์วงลิปตา เขากำลังทำเพลงกันอยู่ ก็เป็นเพื่อนที่ซี้กันมากแล้วก็เขาส่งเรื่องว่า เขามีเพลงนี้ที่อยากจะแต่งให้แฟนเก่าเขา ว่าเขาเดินไปที่นี่เขาคิดถึง เราก็เลยหยิบเรื่องนี้ แล้วเขาพิมพ์เป็นบทมา ว่าอยากให้เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ก็เอามานั่งอ่านแล้วก็ลองร้องกับเพลงนั้นดู แล้วก็รู้สึกว่า เฮ้ยเรื่องมันเป็นเรื่องที่เราก็อยากเล่ามานานแล้ว ในที่สุดก็เลย เหมือนแต่งให้เพื่อน แต่ความจริงแล้วแต่งให้ตัวเองด้วย พอแต่งออกมาก็ชอบมาเลย แต่งเร็วมาก 10 นาทีเสร็จ บอกเพื่อนว่าเฮ้ย ขอเหอะ ชอบมากเลย


 

-มาสัมผัสอาชีพนักร้องแล้วเป็นยังไง ที่เราคิดนะ
คือเราก็ มันไม่เหมืือนที่เราคิด แต่เราก็คิดว่าเราเป็นนักร้องที่ไม่ได้อยาก ไม่ได้เหมือนคนอื่นอยู่แล้ว ไม่ได้มาหน้าตาดี ไม่ได้มาแฟนคลับกรี๊ดกร๊าดอะไร เราก็มาทางที่เราเป็นนักแต่งเพลง แล้วเราก็เอนเตอร์เทนคนดูด้วยเพลงที่เราแต่ง ด้วยคำที่เราพูด ด้วยคำที่เราเขียน เวลาเราเอนเตอร์เทนคนดู เราก็จะเหมือนกับว่า เราอาจจะแต่งเพลงให้สถานที่นั้น สถานที่นี้ อะไรอย่างนี้ มันเหมือนเป็นโชว์ที่เรารู้สึกว่าเราถนัด มันเหมือนกับเราทำได้ ก็คือมันไม่เหมือนที่เราคิด แล้วเราก็ไม่อยากจะเป็นเหมือนคนอื่นด้วย

-จากนั้นก็ทำอัลบั้มต่อหรือเปล่า
ใช่ครับ ก็มีอัลบั้มสองออกมาเมื่อปีที่แล้วครับ ชื่ออัลบั้ม 'เพลงที่นานมาแล้วไม่ได้ฟัง'

- มุขประจำเวลาโชว์คือไปเปิดเพลง 'คนที่คุณก็รู้ว่าใคร' เพลงปิดท้ายด้วยเพลง 'ความคิด' แล้วมันคือไรต้องการบอกอะไรหรอ
คือ ตอนที่ผมเล่นคอนเสิร์ตผมจะเปิดเพลง คนที่คุณก็รู้ว่าใคร เสมอ แล้วก็จะแต่งกลอนร้องเพลงอะไรที่ เป็นบรรยากาศแถวนั้นก่อน แล้วก็ปิดท้ายด้วยเพลงความคิด ซึ่งเปลี่ยนเนื้อ แล้วมาร้องเนื้อที่แซวคนนั้นคนนี้ในงานอะไรอย่างนี้ครับ ก็จริงๆแล้วมันเกิดจากว่า มันค่อยๆเริ่มมา เลยเป็นแบบนี้ ก็เคยอยู่ๆก็นึกอยากทำขึ้นมาแล้วทำขึ้นมางานนึง แล้วแม่งเวิร์ค คนแม่งเฮ เราก็เลยค่อยๆติดมา

-แต่ว่าเนื้อหาก็เปลี่ยนไปทุกๆคอนเสิร์ต
ใช่ สมมติ ไปเล่นในผับ วันนี้มีสาวๆมาเยอะ เราก็จะร้องอีกแบบนึง วันนี้ไปร้องให้เด็กนักเรียนเราก็จะร้องอีกแบบนึง แล้วแต่วันสำคัญ เดือนกุมภาพันธ์เราแต่งเกี่ยวกับความรักขึ้นมา ก็ผมก็รู้สึกว่า เออเราทำแบบนี้ได้ เพราะเราแต่งเพลงแล้วเราก็ชอบคำคล้องจองอะไรแบบนี้

-คิดว่าผลงานเพลงของตัวเองเพลงไหน ที่แสดงความเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด
ผมว่าถึงตรงนี้ก็น่าจะเป็นเพลง ความคิด นะครับ ที่แต่งแล้วอินสุด แล้วก็คือเป็นเพลงที่ไม่ได้เสแสร้งอะไรกับมันเลย ไม่ได้ใช้สมองเยอะ แบบว่า แต่งแล้วมันก็ไหลออกมา ก็รู้สึกมันน่าจะเป็นเราที่สุด

- ทำไมไม่ค่อยไปสังสรรค์กับเพื่อน เลิกงานแล้วกลับตลอด
ก็จริงๆเป็นคนติดบ้าน แล้วก็นอนนอกบ้านไม่ค่อยได้ แล้วก็แม่อยู่บ้านคนเดียวด้วย แล้วก็เป็นคนไม่ทานเหล้า ก็เลยไม่รู้สังสรรค์แล้วจะไปทำอะไร

-ทำไมทุกเพลงของแสตมป์ไม่่ค่อยมีเอ็มวี
งบน้อยอะแหละ

-ไม่เกี่ยวกับ เรื่องของโปรดักชั่น
ไม่เกี่ยวครับ ก็มีเอ็มวีแต่ไม่ค่อยดัง ไม่ค่อยได้ยินแค่นั้นเอง

-จริงๆอยากทำเอ็มวีมั้ย
ก็ทำอยู่นะครับ อาจจะชุดละสองเพลง สามเพลง เพราะว่างบหมด เค้าให้งบไม่เท่าไหร่ เราก็เลยทำได้แค่นี้

-แต่งเพลงให้กับแสตมป์ มันยากง่ายยังไงกับการแต่งเพลงให้คนอื่น เห็นบอกเคยแต่งให้เบิร์ด
แต่งให้พี่เบิร์ด เพลงน้ำตาครับ เพลงของโฟร์ มด ก็เคยแต่งนะครับ เพลง ผู้ชายใจเย็น ครับ แต่ผมว่าแต่งให้คนอื่นมันง่ายกว่าแต่งให้ตัวเองเยอะครับ

-แปลกนะ เพราะอะไร หาเหตุผลให้หน่อย
เหมือนว่าพอมันเป็นงานเรา เราก็จะเหมือนบ้านเราอะ เราก็ต้องอยู่กับมัน แล้วเราก็ทำมันนาน เราจะรู้จักมันดีทุกอย่างเลย เราก็เลยไม่ยอมซื้อมันสักที เลือกนานครับ แต่พอเป็นคนอื่นเนี่ย เราก็จะตีความจากภาพที่เราเห็น สิ่งที่เค้าบอก เออเค้าบอกอย่างนี้นะ เค้าพูดแบบนี้ เค้าเคยเป็นอย่างนี้ คนไทยรู้จักเค้าแบบนี้ เราก็ทำให้เค้าแบบนั้น แต่ที่มันง่ายก็เมื่อเค้าโอเค เค้าใช้เค้าเอา มันก็จบ แต่เราเนี่ย เราไม่รู้ว่าเราจะเอาตอนไหนไง เพราะใจเราก็จะเปลี่ยนไปทุกวัน

-ไม่ว่าอัลบั้มจะขายดีขนาดไหน ยังใช้กีตาร์เก่าตัวเดิม รองเท้าผ้าใบคู่เดิมๆ เสื้อผ้าซ้ำๆ อันนี้จริงหรอ
จริงครับ เอ่อ ผมว่าผมคงเปลี่ยนบ่อยกว่าพี่บอยนิดนึงอะครับ ก็เลยคิดว่าตัวเองไม่ได้ซ้ำมาก เพราะพี่บอยซ้ำกว่าผมเยอะ คือไม่ได้เป็นคนแต่งตัวเยอะ แล้วก็ไม่ได้เป็นเพอร์ฟอแมนซ์ แบบที่จะมาแต่งตัวกัน เป็นเลดี้กาก้า เราก็ไม่ใช่

-เมื่อไหร่จะได้กลับไปทำงานกับเซเว่นซีนอีก
เซเว่นซีนก็พักวงอยู่นานทีเดียวครับ ทุกคนก็กำลังทำงานประจำ ทั้งสามคน ก็มีงานประจำเยอะ แล้วก็ทำพวกมิวสิควีดีโอ อะไรอย่างนี้ครับ อาจจะอีกสักพักครับ อันนี้ลงในออนไลน์ป่าวครับ มีเพลงใหม่ก็ฝากทวีตด้วยนะครับ ผมก็ดูเวลามีข่าวสารบ้านเมือง

-ตอนนี้คนไทยเราฟังเพลงแนวไหนกันบ้าง
ก็คนไทยก็ยังฟังเพลง ก็ฟังเพลงเหมือนเพลงที่ฮิตเขาฟังกันอยู่อะ เพลงทัั่วไป เพลงร็อค

-บางปีคนชอบฮิพฮอพ บางปีคนชอบเกาหลี
มันแล้วแต่ว่าปีไหน มีใครทำเพลงอะไรออกมาแล้วมันน่าสนใจรึเปล่า ปีนี้เราชอบไทเทเนี่ยม ปีหน้าไทเทเนี่ยมไม่มีงาน เราก็ไปฟังดา เอ็นโดรฟิน มันก็เป็นธรรมชาติ

-จะมีอัลบั้มต่อไปเมื่อไหร่
กำลังทำอยู่ครับ อัดเพลงอยู่ทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละสองวัน เสร็จไปสองเพลงครับ เริ่มทำเมื่อมกรานี่เอง สนุกมากตอนนี้

-แต่งเอง ทำเองเหมือนเดิมหรือเปล่า

ใช่ครับ แต่ชุดนี้ก็มีได้คนอื่นมาช่วยแต่งเยอะ เพราะว่าเราเริ่มทำเยอะ แล้วทำให้คนอื่นเยอะด้วย เราก็เริ่มใช้ของตัวเองหมดละ

-พอเริ่มมีชื่อ การสร้างสรรค์งานยากขึ้นไหม กว่าจะกลั่นกรองมาเป็นเพลง

มันต้องยากกว่าตอนที่ไม่เป็นอะไรเลยนะครับ เหมือนกับถ้าตอบว่าไม่เป็นไรเลย มันก็คงจะเทพไปหน่อย ก็ต้องมีบ้างคนเรา มีิจิตใจที่แบบแกว่งๆบ้างก็มี แต่ก็พยายามที่จะทำให้ตัวเอง เป็นตัวที่ไร้ตัวตน

-อยากให้แฟนคลับ เรียกตัวเองเป็นนักแต่งเพลง นักร้อง นักดนตรี หรือว่า เป็นอะไร
ผมว่าเป็นนักดนตรี นักแต่งเพลงน่าจะดีสุด เพราะว่าเราน่าจะถนัดทางนั้น

-รางวัลที่ได้มาเยอะแยะ สามสี่ปี มันช่วยเราได้ไหม

ไม่ช่วยค่อนข้างทำลายมากกว่า ทำให้เราค่อนข้างอาจจะทำให้เรามีจุดยืน ทำให้เรามีกำลังใจ แต่ก็ในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้เรารู้สึกว่า คนเรามันก็มีใจสองด้านแบบเฮ้ย กูเก่ง พอเก่งปั๊ป แย่ละ

-โปรดิวเซอร์ที่ดีต้องมีอะไรบ้าง

ผมว่าแล้วแต่คนนะ แต่ละคนก็ไม่เหมือนกันครับ สำหรับผมน่าจะเป็น อ่า .. เป็นคนที่มีสัญชาตญานดี คือต้องรู้จักแก้ปัญหาได้ดี โปรดิวเซอร์ ถ้าเป็นหนังมันก็เหมือนผู้กำกับ คือเราอาจจะไม่ใช่นักแสดงที่ดีที่สุด เราอาจจะไม่ใช่คนเขียนบทที่ดีที่สุด เช่นกัน เป็นโปรดิวเซอร์เพลง ไม่ใช่นักดนตรีที่ดีที่สุด ไม่ใช่นักร้องที่ดีที่สุด แต่ว่าเราจัดการนักดนตรี จัดการอะไรต่างๆ จัดการไอเดียทุกอย่างให้เป็นเพลงได้ ก็ผมว่าก็ต้องใช้สัญชาตญานพอสมควร อีกสิ่งหนึ่งที่น่าจะทำให้ได้มากๆคือใช้คนให้เป็น

-โปรดิวเซอร์ที่ดี ต้องรู้เรื่องเพลงมากมั้ย
ผมว่ารู้เรื่องเพลงอาจจะไม่ต้องมาก แต่ว่าต้องรักเพลงให้มาก ให้จริงใจกับมันแล้วก็ดูแลมันให้ดี

-จริงๆแสตมป์ฟังเพลงของใครมั่ง
ฟังทุกอย่างละครับ ตอนเด็กก็ฟังเบเกอรี่มิวสิค เป็นเอกก็ฟังเยอะ โบ-จอยซ์ แล้วฝรั่งก็ฟังเยอะ ฟังเพลงทั่วไปอะครับ


 

-ขอชื่อวงหน่อยสิ
วงที่ชอบมากก็อย่างพวกโอเอซิส ถ้าสมัยนี้หน่อยก็เป็นจอห์น ไมเยอร์ อะไรพวกนี้ดังๆก็ฟัง ฟังฟินิกส์ ช่วงนี้ฟังฮิพฮอพเยอะ ฟังเจซี เมื่อก่อนไม่เคยฟังเลยนะครับ รู้สึกว่ามันไม่มีเมโลดี้ ตอนนี้ก็มารู้สึกว่า เฮ้ยเมโลดี้มันอยู่ในจังหวะของการร้องของมัน มันก็เป็นสิ่งใหม่

-กับโครงการแสนสิริ ทราบว่าเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ให้โครงการนี้
ก็คือทางแสนสิริกับทางเลิฟอีส เหมือนเป็นความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกันมาประมาณปีสองปีแล้ว คือทางแสนสิริก็ให้พวกเราแต่งเพลง มีโปรเจคที่นักแต่งเพลง 6 คนแต่งเพลงแสนสิริ จนกระทั่งถึงคิวผมที่เป็นเพลงที่ผมแต่ง ผมก็แต่งเพลงที่ชื่อว่าแสนดีออกไป แล้วมันเป็นเพลงที่ทางแสนสิริเขาคิดว่า เหมาะกับ ดี คอนโด คือเป็นคอนโดที่ราคาค่อนข้างต่ำ แต่ฟังก์ชั่นมันโอเค มันไม่ใช่แฟลต มันอยู่อย่างดีเลย แต่ราคาพอใช้ได้ ซึ่งเขามองเห็นว่า มันตรงกับคาแรกเตอร์ของดีคอนโด แล้วเราก็เลยได้คุยกับทาง พวกเฮด ดีไซน์เนอร์ของแสนสิริ เมื่อคุยกันก็ได้รู้ว่าผมเป็นลูกน้องเขา เลยรู้สึกว่า น่าจะออกแบบอะไรสักอย่างเพื่อเป็นเหมือนกับคอนเซปดีไซน์ของดี คอนโด ว่า ไอดีคอนโดเนี่ย มันคิดกันแบบนี้ มันเป็นแบบนี้ ให้ผมทำโซฟาสักตัวนึง ที่จะบอกความเป็นตัวเองกับดีคอนโดได้ ก็เลยเริ่มทำกันครับ ตอนนี้ก็แต่งเพลงไปแล้วหนึ่งเพลง แล้วก็ทำคอนโดตัวนึง เราก็เลยเริ่มทำกัน แล้วก็ค่อยๆออกแบบกัน ตอนแรกผมก็เครียดมากเลย เพราะว่าเรียนก็เรียนไม่เก่ง ออกแบบก็ห่วยตลอด ผมก็บอกพีี่เขาว่าพี่ผมกดดันมากเลย พี่เขาก็บอกว่า ทำให้ก็ทำเลย อยากทำอะไรก็ทำ

-ตอนนี้โซฟาเสร็จแล้ว สีฟ้าๆนั่นป่าว

ใช่ครับ เราก็เลยมีปมมาก บอกพี่เค้าว่า ผมตอนเรียนผมกดดันมาก อาจารย์ชอบด่าว่า เฮ้ยไอของพันนี้มึงจะทำมาทำไมวะ ผมก็เลยอยากจะออกแบบโซฟา คอนเซปของมันคือ 'ทำไปทำไม' ก็เลยตั้งชื่อว่า ทำไปทำไม แล้วก็เอาไปวาดรูป ผมวาดรูปผมเล่นกีตาร์ แล้วก็มี ผู้หญิงนั่งฟังอยู่ ก็เลยชื่อว่า 'ทำมาทำไม ทำมาเพื่อเธอ' ก็เลยเป็นเหมือนแต่งเพลงเหมือนกัน

-แคมเปญนี้จบยัง
ยังครับ จบน่าจะเดือนกันยา


-เกี่ยวอะไรกับเรียลลิตี้

เขาอยากจะมีอะไรออกไปสักอย่าง ที่จะดึงให้คนทั่วไปได้เห็นว่า ดีคอนโดอะมันคืออะไร มันไม่ใช่คอนโดที่มีดารามาชี้ว่า ห้องครัวของเราสะดวกสบายนะ เอ่อห้องนอนของเราเป็นอย่างนี้นะคะ ก็เลยทำเรียลลิตี้ที่เราจะตีความห้องต่างๆ ตีความสิ่งต่างๆในคอนโดห้องนั้นน่ะ ยังไงก็ได้แล้วแต่เรา เขาก็ให้ผมเข้าไปทำเก้าอี้ อะผมอย่างมีเก้าอี้ตรงนี้ ผมไม่ต้องมีเก้าอี้ที่นั่งหันหน้าเข้าหาทีวีก็ได้วะ แต่เป็นเก้าอี้ที่หันหน้าเข้าหากัน หันหน้าออก เพราะว่าฟังก์ชั่นของผมจริงๆแล้ว คืออยากเล่นกีตาร์ให้เพื่อนฟัง เราจะมาถ่ายกันว่าในห้องนอนนี้จริงๆจะใช้ทำอะไร เราอาจจะไม่ได้ใช้นอนก็ได้ อาจใช้กินข้าวก็ได้ ก็เลยคิดว่าอาจจะเหมาะที่จะทำเป็นเรียลลิตี้ บนยูทูปไรงี้

-แล้วเรียลลิตี้มีกี่ตอน

ก็น่าจะแบ่งเป็นตอนๆ เพราะทำตอนเดียวก็ไม่หมด

-คือเรื่องแรกที่ออกไปคือทำเก้าอี้

ส่วนเรื่องที่สองวางแผนว่าจะทำสนามหญ้ากัน คือเก้าอี้เป็นแค่บทแรก เรียลลิตี้มี 10 เรื่อง อันแรกเป็นแค่เรื่องเปิดตัว

-แสตมป์มีแฟนหรือยัง
มีแล้วครับ

-แฟนเป็นผู้หญิง

เป็นผู้หญิง

-แต่งงานหรือยังครับ
ยังครับ

-การที่เรามีความรักมันทำให้ จิตใจเรามันสงบนิ่งมั้ย หรือมีแรงบันดาลใจในการที่จะสร้างสรรค์อะไรได้มั้ย หรือยังไง

ผมว่าได้ทั้งสองอย่างนะ เป็นโสดก็ยังโหยหา เป็นแฟนก็อาจจะยังโหยหาอยู่ ก็เอาไปแต่งเพลงได้ ไม่ว่าจะมีไม่มี มันก็ทุกข์เหมือนกัน ทุกข์คนละแบบ

" Put Your Record On " Played by uke

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554

'โช-เลียง ลิน' ประชัน 'บีเอสโอ'



มูลนิธิวงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพฯ จัดคอนเสิร์ต รายการ Mozart and Tchaikovsky โดยเชิญ โช-เลียง ลิน (Cho-Liang Lin)

 
นักไวโอลินชื่อดังระดับซูเปอร์สตาร์ชาวอเมริกัน-ไต้หวัน บรรเลงเดี่ยวกับวง BSO  ในบทเพลงไวโอลินคอนแชร์โต้ของโมสาร์ท  เพลงเดี่ยวไวโอลินของซาราซาเต้ และซิมโฟนีหมายเลข 4 ของ ไชคอฟสกี้  ร่วมด้วย มิเชล ทิลกิน  (Michel Tilkin) ผู้อำนวยเพลง รับเชิญที่มีชื่อชาวดัชท์ กำหนดแสดงวันอังคารที่ 15 มีนาคมนี้ เวลา 2 ทุ่ม ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย  

 โช-เลียง ลิน  เป็นหนี่งในบรรดาศิษย์เอกของ โดโรธีย์  ดิเลย์ ปรมาจารย์ไวโอลินชื่อดังชาวอเมริกันแห่งสถาบันดนตรีจูลเลียอาร์ด (นิวยอร์ค)  ชึ่งได้สร้างนักไวโอลินระดับซูเปอร์สตาร์หลายคน  อาทิ อิทซัก เพิร์ลมาน , มิโดริ , ไนเจล เคนเนดี , ซาร่า ชาง เขาออกแสดงเดี่ยวครั้งแรกเมื่ออายุ 19 ปี ที่ลินคอล์นเซ็นเตอร์ เริ่มมีชื่อเสียงจนติดอันดับศิลปินซูเปอร์สตาร์ในวงการนานาชาติมาร่วม 30 ปี  

 ที่ผ่านมา โช-เลียง ลิน ได้แสดงเดี่ยวกับวงชั้นนำต่างๆ อาทิ  วง Berlin Philharmonic, New York Philharmonic, Boston Symphony, London Symphony, Royal Concertgebouw   เคยร่วมงานกับศิลปินเดี่ยวและผู้อำนวยเพลงที่มีชื่อหลายคน อาทิ  Isacc  Stern , Yo-Yo Ma,   Riccardo Muti  พร้อมกับบันทึกคอมแพคคิสท์ 11 ชุด ได้รับรางวัล “Record of the Year” จากนิตยสารแกรมโมโฟน รวมทั้งได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลแกรมมี่ นอกจากนี้ยังเป็นปรมาจารย์สอนไวโอลินที่มีชื่อคนหนี่งแห่งสถาบันดนตรีจูลเลียอาร์ด  สอนแบบมาสเตอร์คลาสให้กับสถาบันดนตรี  และค่ายดนตรีที่มีชื่อเสียงต่างๆ ทั่วโลก  อาทิ  Aspen Music Festival  เป็นต้น
 เพลงในรายการคอนเสิร์ตนี้ จะเริ่มต้นด้วยบทโหมโรงชื่อ “Ruler of the Spirits” ของ เว็บเบอร์ คีตกวีชาวเยอรมันยุคโรแมนติก ตามด้วย ไวโอลินคอนแชร์โต้หมายเลข 4 ของ โมสาร์ท  ซึ่งมีท่วงทำนองที่งดงาม  ไพเราะจนไม่มีที่ติ  ตามแบบฉบับคลาสสิกของคีตกวีชาวออสเตรียผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้

 ต่อเนื่องด้วยเพลงเดี่ยวไวโอลิน  “ซิกเกนแนร์ไวเซน” (Zigeunerweisen) หรือ “Gipsy Air” ผลงานที่มีชื่อเสียงของ พาโบล ซาราซาเต  (Pablo Sarasate )  คีตกวีเอกชาวสเปน งานบทนี้เป็นเพลงเดี่ยวไวโอลินที่ไพเราะ  เร่าร้อน  โชว์ฝีมือผู้บรรเลงเดี่ยวอย่างเต็มที่  โดยเฉพาะทำนองหลักที่ไพเราะ หวานซึ้งตามแบบฉบับของดนตรียิบซี ฟังแล้วติดหู  จนกลายเป็นเพลงไวโอลินยอดฮิต ที่นิยมบรรเลงและฟังกันมากที่สุดเพลงหนึ่งมาทุกยุคสมัย ซึ่งที่ผ่านมา มีผู้นำทำนองนี้มาดัดแปลงเป็นเพลงป๊อป “Gipsy Moon”  และเพลงไทยยอดฮิตในอดีตชื่อ “คิดถึง”   

 คอนเสิร์ตจะปิดท้ายรายการด้วย ซิมโฟนีหมายเลข 4 ของไชคอฟสกีที่ยิ่งใหญ่ ไพเราะ แสดงออกถึงอารมณ์  ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อน ลึกซึ้งของผู้ประพันธ์ในแบบโรแมนติก

 สำหรับ "ไวโอลิน" ที่ โช-เลียง ลิน นำมาบรรเลงในครั้งนี้  เป็นไวโอลินคู่ใจ มีนิคเนมว่า “Titian” เป็นงานฝีมือระดับมาสเตอร์ ทำขึ้นในปี ค.ศ. 1715 โดย อันโตนิโอ สตราดิวาริ ช่างทำไวโอลิน ชาวอิตาเลี่ยนที่มีความเป็นอัจฉริยะ มีชื่อที่สุดในการทำเครื่องดนตรีตระกูลไวโอลินในยุคนั้น  ไวโอลินคันนี้มีความเป็นเลิศทั้งเสียงที่ไพเราะ  โทนเสียง  การถ่ายทอดพลังเสียง  การตอบสนองและความหลากหลายของน้ำเสียง ผู้ที่ได้ฟังการบรรเลงด้วยเครื่องดนตรีคุณภาพสุดยอดระดับนี้ จะสัมผัสได้ถึงความงามของเสียงไวโอลินอันไพเราะได้อย่างมหัศจรรย์

 ไวโอลินที่สตราดิวาริทำขึ้นมีจำนวนมาก แต่เท่าที่ค้นพบ และยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ในปัจจุบัน  มีเพียงสองร้อยกว่าคัน จึงเป็นเครื่องดนตรีเก่าแก่ที่หายากมาก มีคุณค่าทั้งทางศิลปะดนตรีและมูลค่าที่แพงมหาศาล   ชึ่งราคาจะสูงขี้นตลอดเวลา  มีการประเมินราคาถึงกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ   ผู้ที่ครอบครองไวโอลินระดับนี้  มักเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียง พิพิธภัณฑ์ องค์กรด้านศิลปะ  สถาบันดนตรี  และนักสะสมเครื่องดนตรี

 คอนเสิร์ตครั้งนี้  จึงเป็นโอกาสพิเศษที่คอเพลงคลาสสิก จะได้ฟังเสียงของไวโอลินชั้นยอดในบทเพลงที่ไพเราะบรรเลงโดยศิลปินเดี่ยวไวโอลินระดับโลกไปพร้อมๆ กัน

*
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์